TH Ranking - ข่าว - 2025-04-05

ตลาดออนไลน์ยอดนิยมในประเทศไทย 2025: 5 แพลตฟอร์มที่ต้องรู้จัก

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ประเทศไทยก็ไม่ยกเว้น การเปลี่ยนแปลงจากการค้าขายแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบออนไลน์กลายเป็นแนวโน้มหลักในภาคเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผลักดันให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการหันมาใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกันอย่างแพร่หลาย

ตลาดออนไลน์หรือ E-Commerce ในประเทศไทยมีการแข่งขันที่ดุเดือด มีแพลตฟอร์มหลายรายที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานจำนวนมาก ทั้งจากบริษัทภายในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดอันมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี

บทความนี้จะพาไปสำรวจตลาดออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยเจาะลึกถึงแต่ละแพลตฟอร์ม จุดเด่นของบริการ รวมถึงแนวโน้มในอนาคตของวงการ E-Commerce ไทย

สภาพตลาดออนไลน์ในประเทศไทย

การเติบโตของตลาด E-Commerce

ตลาดออนไลน์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่าในปี 2566 มูลค่าตลาด E-Commerce ไทยสูงเกิน 4 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อนหน้า

ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโต

  • การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่กว้างขวาง: ประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 90% ของประชากรทั้งหมด
  • ความนิยมในการใช้สมาร์ตโฟน: การซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือกลายเป็นช่องทางหลัก
  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: คนไทยหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้นด้วยเหตุผลเรื่องความสะดวกและโปรโมชั่น

ตลาดออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย

ต่อไปนี้คือแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ที่ถือว่าอยู่ในระดับ “ท็อป” หรือ “อันดับต้นๆ” ของประเทศไทย ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้งาน ปริมาณธุรกรรม และการครอบคลุมของสินค้า

1. Shopee (ช้อปปี้)

ประวัติและการเข้ามาในไทย

Shopee เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2558 โดยบริษัท Sea Group จากสิงคโปร์ Shopee ใช้กลยุทธ์ “Mobile-First” เน้นการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ตอบโจทย์การใช้งานบนมือถือ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่

จุดเด่นของ Shopee

  • โปรโมชั่นหลากหลาย เช่น Flash Sale, ส่วนลดคูปอง, โค้ดส่งฟรี
  • การไลฟ์สดขายของ (Shopee Live) ที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าสื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์
  • ระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย รวมถึงบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)

Shopee กลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ในไทยทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้และจำนวนออร์เดอร์รายวัน โดยเฉพาะในช่วง Double Date Campaign (11.11, 12.12) ที่สร้างยอดขายมหาศาล

2. Lazada (ลาซาด้า)

ผู้นำยุคเริ่มต้นของ E-Commerce ไทย

Lazada เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2555 นับว่าเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าแรกๆ ที่ได้รับความนิยมสูง ก่อนจะถูกซื้อกิจการโดย Alibaba Group ซึ่งยกระดับเทคโนโลยีและระบบโลจิสติกส์อย่างเต็มที่

จุดเด่นของ Lazada

  • การรวมร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์
  • LazMall ซึ่งรับประกันสินค้าแท้จากแบรนด์ชั้นนำ
  • ระบบ “Lazada Wallet” ที่ช่วยให้การชำระเงินรวดเร็ว
  • กิจกรรมไลฟ์สตรีม “LazLive” เพิ่มประสบการณ์การช็อปแบบอินเทอร์แอคทีฟ

Lazada ครองตลาดได้ดีในกลุ่มผู้ใช้งานช่วงอายุ 25–44 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีความมั่นใจในการซื้อของออนไลน์

3. JD Central (เจดี เซ็นทรัล)

ความร่วมมือของยักษ์ใหญ่

JD Central เป็นผลจากการร่วมทุนระหว่าง JD.com ยักษ์ใหญ่จากจีน กับกลุ่มเซ็นทรัลของไทย เปิดตัวในปี 2561 โดยชูจุดขายเรื่องความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของสินค้า

จุดเด่นของ JD Central

  • รับประกันของแท้ 100% ซึ่งถูกใจลูกค้าที่กังวลเรื่องสินค้าปลอม
  • ระบบโลจิสติกส์ที่แม่นยำและรวดเร็ว
  • สินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เป็นจุดแข็งของแพลตฟอร์ม

แม้ JD Central จะไม่ได้ครองตลาดเท่ากับ Shopee หรือ Lazada แต่ก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการคุณภาพและบริการหลังการขายที่ดี

4. Facebook Marketplace

แม้จะไม่ใช่แพลตฟอร์มเฉพาะทางด้านอีคอมเมิร์ซ แต่ Facebook Marketplace กลับได้รับความนิยมสูงจากคนไทย เพราะเข้าถึงง่าย ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่ม และใช้งานร่วมกับบัญชี Facebook ที่มีอยู่แล้ว

จุดเด่นของ Facebook Marketplace

  • เป็นตลาดเสรีสำหรับทุกคน ใครๆ ก็สามารถโพสต์ขายของได้ฟรี
  • เหมาะสำหรับของมือสอง หรือของเฉพาะกลุ่ม
  • สามารถต่อรองราคา พูดคุยโดยตรงกับผู้ขาย

Facebook Marketplace ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ชอบของมือสอง สินค้าท้องถิ่น หรือของที่ไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายในแพลตฟอร์มอื่น

5. TikTok Shop

การเติบโตแบบก้าวกระโดด

TikTok Shop เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2565 และใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุด

จุดเด่นของ TikTok Shop

  • การขายผ่านคอนเทนต์วิดีโอสั้น ที่ดึงดูดความสนใจ
  • อินฟลูเอนเซอร์ช่วยรีวิวสินค้า ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว
  • แคมเปญและไลฟ์สดที่กระตุ้นยอดขาย

กลุ่มเป้าหมายของ TikTok Shop คือวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความบันเทิง และต้องการประสบการณ์ช็อปปิ้งที่แตกต่าง

6. LINE SHOPPING

ระบบที่เชื่อมต่อกับแชท

LINE SHOPPING เป็นอีกหนึ่งตลาดออนไลน์ที่ผสานการแชทและการซื้อขายเข้าด้วยกัน ซึ่งเหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าในไทยที่นิยมใช้ LINE ในการสื่อสาร

จุดเด่นของ LINE SHOPPING

  • ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านแชทโดยตรง
  • มีระบบการชำระเงินและการจัดส่งครบถ้วน
  • เหมาะสำหรับร้านค้ารายย่อยหรือ SME ไทย

LINE SHOPPING เหมาะสำหรับการขายของแบบเน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขาย-ผู้ซื้อ และเป็นที่นิยมในกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ที่มีฐานลูกค้าประจำ

แนวโน้มในอนาคตของตลาดออนไลน์ไทย

  1. การใช้ AI และ Chatbot มากขึ้น: ช่วยให้ลูกค้าได้รับการบริการที่รวดเร็วและแม่นยำ
  2. โลจิสติกส์แบบเรียลไทม์และการจัดส่งภายในวันเดียว จะกลายเป็นมาตรฐาน
  3. การขยายเข้าสู่ต่างประเทศ (Cross-border E-Commerce) โดยเฉพาะสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในจีน เวียดนาม หรือมาเลเซีย
  4. การเติบโตของ Social Commerce เช่น การขายผ่าน Facebook Live, TikTok Live จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สรุป

ตลาดออนไลน์ของประเทศไทยในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูง และเต็มไปด้วยแพลตฟอร์มที่มีจุดแข็งแตกต่างกัน Shopee และ Lazada ยังคงครองตลาดในระดับแมส ในขณะที่ JD Central, TikTok Shop, Facebook Marketplace และ LINE SHOPPING ต่างก็มีฐานลูกค้าที่เฉพาะกลุ่มและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อนาคตของอีคอมเมิร์ซไทยยังสดใส ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มใดที่สามารถปรับตัวได้เร็ว มีบริการครบวงจร และสร้างความเชื่อมั่นได้มากที่สุด ก็จะสามารถรักษาตำแหน่งในตลาดออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทยต่อไปได้


เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ

ปรึกษาฟรี

TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!

เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ปรึกษาฟรี

การปรึกษาฟรี ฝ่ายบริการลูกค้า

ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกแผน? กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านขวา และเราจะติดต่อกลับหาคุณ!

Fill the
form